กู้คืนรหัสผ่านวินโดว์ด้วย Windows Password Recovery Tool

ปัญหาการลืมรหัสผ่าน Log in ของผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ Windows ส่วนมากอาจจะอยากจะลองตั้งรหัสผ่านกันเล่นๆ เพื่อทดสอบระบบการรักษาความปลอดภัยในการ Log in เข้าใช้งานเครื่องบ้าง หรือลืมจริงๆ เพราะไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน เป็นต้น เรื่องแบบนี้อาจจะทำให้คุณลำบากถึงขนาดต้อง Format ล้างวินโดว์ลงโปรแกรมใหม่กันทีเดียว ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือเก่าที่อาจจะไม่ทราบแนวทางในการกู้คืนรหัสผ่านวินโดว์ กรณีที่เราลืมรหัสผ่าน หรือทำรหัสผ่านหาย

สำหรับคนที่ยังไม่ต้องการ Format ล้างวินโดว์ลงโปรแกรมใหม่ อาจจะมี options หรือทางเลือกในการดาวโหลดโปรแกรม recovery หรือกู้คืนรหัสผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราได้ โดยโปรแกรมที่นำมาแนะนำกันในวันนี้ คือ

Windows Password Recovery Tool Ultimate

คุณสมบัติทางเทคนิคของโปรแกรม

ความสามารถในการกู็คืนรหัสผ่านของวินโดว์ Windows2000/2003/2008, Windows 7 (32/64 bit), Vista (32/64 bit), XP, NT etc..

  • ง่ายและรวดเร็วในการกู้ Passwords ภายในเวลา 3 นาทีเท่านั้น โดยไม่มีปัญหากับความยาวและความยากของรหัสผ่าน 

  • ตัวเลือกการทำงานเพื่อกู้คือ สามารถใช้แผ่น CD/DVD หรือ USB drive ในการ reset รหัสผ่าน 

แนวทางการใช้งาน

  • ดาวโหลด Windows Password Recovery Tool Ultimate และ install ติดตั้งโปรแกรมให้เรียบร้อย เปิดโปรแกรมขึ้นมา 
  • จากนั้นโปรแกรมจะมี options ให้เลือกว่าเราจะเขียนไฟล์ลงแผ่น CD/DVD หรือ USB Drive เพื่อทำเป็นแผ่น Boot ไปใช้งานกับเครื่องที่เรา Log in ไม่ได้ 

  • ใส่แผ่นหรือเสียบ USB เข้าเครื่อง อย่าลืมเข้าไปที่ Bios ของเครื่องโดยการกดปุ่ม F2  เพื่อเข้าไป set หรือกำหนดค่าการอ่านข้อมูลจาก แผ่น CD/DVD หรือ USB drive ก่อน 

  • เครื่องจะอ่านข้อมูลจากแผ่น CD/DVD หรือ USB drive ที่เราใส่เข้าไป พร้อมแสดงหน้าต่างต้อนรับเข้าสู่การกู้คืนรหัสผ่านของวินโดว์ โดยให้เราเลือก Reset Password 
  • ในขั้นตอนต่อมาจะแสดงรายการชื่อของคอมพิวเตอร์ของเรา ให้เลือก ชื่อ Account และด้านล่าง เลือก Remove Password และคลิก Next 

  • โปรแกรมจะทำการ Remove รหัสผ่านของเราออกไป ให้เราคลิกปุ่ม Reboot เพื่อเริ่มต้นการทำงานใหม่  ซึ่งก็จบแล้วครับ  สามารถ เอาแผ่น CD/DVD หรือ USB Drive ของเราออก และเริ่มต้น Log in เข้าใช้งานวินโดว์ โดยไม่ต้องระบุรหัสผ่านได้เลย 
กรณีที่ 2 ไม่เลือก Remove แต่เลือกสร้างบัญชีผู้ใช้งานใหม่ ก็สามารถทำได้เช่นกัน 
  • สำหรับอีกความสามารถของโปรแกรมเป็นการไม่ remove password แต่เป็นการสร้าง กำหนด Account หรือบัญชีผู้ใช้งานใหม่ ให้เราเลือกคำสั่ง Create a new Account และคลิก Next 
  • ขั้นตอนต่อมา จะให้เราตั้งชื่อ Account ใหม่ และกำหนดรหัสผ่าน ใหม่ คลิก Next และให้เรา Reboot อีกรอบ 
  • ให้เรา Log in ด้วยชื่อ และรหัสผ่านใหม่ตามที่เรากำหนดไว้  

สเปกย่อโปรแกรม
  • Version: 4.1
  • File size: 36.35MB
  • Date added: April 01, 2014
  • Price: Free to try (Some features disabled); $44.95 to buy (Buy it now)
  • Operating system: Windows NT/Me/2000/XP/2003/Vista/Server 2008/7/8
ดาวโหลด Windows Password Recovery Tool

Windows Password Recovery Tool Ultimate is an amazing and easy-to-use tool designed for resetting Windows local account or domain passwords on almost all Windows operating system like Windows2000/2003/2008, Windows 7 (32/64 bit), Vista (32/64 bit), XP, NT etc.. Passwords can be reset in 3 minutes, no matter how long and complicated the password is. Besides, you could either use CD/DVD or USB drive to reset the password, which is very easy.
In addition to its quick and efficient recovery, it has a 100% Windows password reset guarantee and no need to reinstall Windows, which would no doubt save you a lot of time and energy. Also, the utility is able to change local or domain admin and user password and create a new local or domain administrator account. For all the convenience the tool provide it has made itself a best choice for users of home, business and with its user-friendly wizard-like interface, comprehensive function as well as its extremely competitive price.
What's new in this version:
  • 1. Make new iso image from Windows Setup CD
  • 2. Add drives for SCSI/RAID hard drives to the new iso image file. Fully support RAID/SCSI/SATA drives.
  • 3. Set a password on the Windows Password Reset CD/USB disk to protect the privacy of your computer.
  • 4. Save the new created password reset image file on local computer for further usage.

Click to see larger images

การแก้ไขปัญหาเมื่อวินโดว์มองไม่เห็นอุปกรณ์ USB Drivers

ปัญหาหนึ่งที่มักจะสร้างความรำคาญใจให้กับผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไปในปัจจุบัน ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยๆ เรียกได้ว่าเกิดขึ้นเป็นประจำเลยก็ว่าได้ คือ

ปัญหาที่เวลาผู้ใช้งานเสียบหรือต่ออุปกรณ์บันทึกข้อมูลภายนอกอย่างเช่นพวก  USB Drive,USB Disk,USB Flash Drive ,USB thumb drive ,USB stick เข้ากับคอมพิวเตอร์แล้ว มันไม่รู้จักกัน ไม่ตอบสนอง ไม่หือ ไม่อือ ประมาณนั้น ทำให้เวลาที่เรากำลังเร่งๆ รีบๆ ที่เราต้องการ copy ข้อมูล หรือเปิดอ่านข้อมูลจาก USB ของเรา แล้ว มันมองไม่เห็นกัน ทำให้เราใช้งานไม่ได้เลย ถ้างทีใครเคยเจอปัญหาแบบนี้ ลองดูสาเหตุและแนวทางแก้ไขปัญหาพื้นฐานที่นำมาฝากกัน เผื่อว่าท่านจะสามารถผ่านปัญหาไปได้ด้วยตัวของท่านเอง ลองมาดูถึงสาเหตุหลักและแนวทางแก้ไขปัญหา จากประสบการณ์ตรงของผมเองที่อยากจะบอกต่อและแชร์ความรู้ให้กับท่านผู้อ่านทุกคน ดังนี้ครับ

1  ปัญหาเกิดจาก  Driver ของอุปกรณ์ ที่แตกต่างกันออกไปตามรุ่น ยี่ห้อ และสเปกการทำงานของมัน
คณทราบหรือไม่ว่า Windows โดยปกติแล้ว เวลาที่ผู้ใช้สายเสียบ USB เข้ากับ Port USB แล้ว Windows มันจะทำการตรวจจับหรือว่า detect ชนิดของอุปกรณ์ และเรียกใช้ Driver จากฐานข้อมูลภายในของวินโดว์โดยอัตโนมัติอยู่แล้วครับ ช่วยให้อุปกรณ์มองเห็นและเปิดใช้งาน ได้อย่างไม่มีปัญหา
แต่ใช่ว่า windows จะรองรับอุปกรณ์ USB  ทุกรุ่นทุกยี่ห้อหรือทุกสเปก ในท้องตลาด (แต่ส่วนมากเกินร้อยละ 95 % รองรับ)  มันก็จะมีบางครั้งหรือบางโอกาสที่ วินโดว์อาจจะ ไม่รู้จัก หรือไม่มี Driver รองรับการทำงานของ USB ตัวที่เรากำลังต่อหรือเสียบใช้งานอยู่


แนวทางแก้ไขปัญหา ก็ต้องไปค้นหาและดาวโหลด driver ของ USB นั้นๆ ตามรุ่นและยี่ห้อหรือสเปกที่ระบุตามเอกสารที่เราซื้อมาครั้งแรก หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ของผู้ผลิตอุปกรณ์ ในส่วนของการสนับสนุน หรือ support เพื่อค้นหา Driver มา install และติดตั้งให้วินโดว์ รู้จักกันและทำงานได้ต่อไป
ถ้าผู้ใช้งานที่มีปัญหา ไม่แน่ใจว่าจะติดต่อกับผู้ผลิตได้อย่างไร ทาง Microsoft ได้เตรียมข้อมูลการติดต่อผู้ผลิตอุปกรณ์ ที่มีการใช้งานปกติประจำในปัจจุบัน ให้เข้าไปดูรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ จากศูนย์ช่วยเหลือและสนับสนุนการทำงานของวินโดว์  Microsoft Help and Support 

2 ปัญหาที่เกิดจากอุปกรณ์ USB ของเราชำรุดหรือเสีย
กรณีสามารถเกิดขึ้นได้บ่อยๆ เช่นกัน จากการเสื่อมสภาพไปตามอายุและการใช้งาน การตก การกระทก เปียกน้ำ ความชื้น ฝุ่นละออง ฯลฯ
ปัญหานี้ ถ้าเรามีคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ อยู่อีก ให้เรานำ USB ของเราไปลองเสียบหรือต่อดู ว่ามองเห็นหรือไม่ ถ้ายังมองไม่เห็นเช่นเดิม ก็มีความเป็นไปได้ที่ปัญหา เกิดจากความบกพร่องของตัว USB ของเราเอง ก็ต้องดูว่ามีประกันไหม อาจจะเคลมหรือติดต่อร้านที่เราซื้อมา หรือหมดประกันแล้ว ก็ต้องทิ้งและซื้อตัวใหม่ เป็นต้น

3 ปัญหาที่เกิดจาก Port USB บนคอมพิวเตอร์ชำรุด บกพร่อง
เป็นเรื่องปกติครับ ที่เจอได้บ่อย ใช้งานทุกๆ วันมันก็ต้องมีหลวม มีเสื่อมสภาพไปตามอายุการใช้งานครับ
แนวทางแก้ไขปัญหา โดยปกติแล้ว ถ้าเป็นเครื่องแบบตั้งโต๊ะหรือ PC จะมีช่อง USB ด้านหน้า ซึ่งจะง่ายและสะดวกในการใช้งานบ่อยๆ จึงมีโอกาสที่จะชำรุดและมองไม่เห็น หรือเอาง่ายๆ ว่าหลวมทำให้แถบโลหะ ไม่สัมผัสกัน จึงไม่ทำงาน หรือมองไม่เห็น ให้เราแก้ไขโดยการขยับ ๆ ก็อาจจะ touch หรือสัมผัสกันจนมองเห็นและสามารถใช้งานได้ตามปกติ

หรือเอาให้ sure แนะนำให้ลองย้ายไปเสียบช่อง USB ด้านหลังของเครื่องแทน จะรู้สึกถึงความฝืดและแน่นของอุปกรณ์ ได้ทันที เพราะไม่ค่อยได้ใช้งานบ่อย หรือถอดเข้า - ออก บ่อยๆ นั้นเอง ครับ


Note: บางกรณี อาจจะต้องลอง Restart วินโดว์ ใหม่ และลอง เสียบหรือต่อหรือ connect อุปกรณ์ USB ของเรา ดูอีกที ก็จะสามารถมองเห็นอุปกรณ์ USB และใช้งานได้ตามปกติต่อไป ครับ

หลักการเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ Notebook ในปี 2014

การเลือกซื้อหาคอมพิวเตอร์ Notebook สำหรับใช้งานของตนเองหรือสำนักงานสักเครื่อง อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่หลายคนคิด ก่อนอื่นต้องยอมรับว่าความเจริญเติบโตและก้าวหน้าทางวิทยาการคอมพิวเตอร์และการติดต่อสื่อสาร ได้เจริญรุดหน้าไปไกลจริงๆ หลายอย่างที่ไม่น่าจะเชื่อว่าจะเป็นไปได้และเกิดขึ้นได้ ก็กลายมาเป็นจริงในชีวิตประจำวันปกติของคนเราไปเสียแล้ว
ดังนั้นข้อพิจารณาหรือข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เราเคยรับรู้หรือรับทราบจึงมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ทำให้เราต้องสนใจและติดตามข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ เป็นประจำจึงจะไม่ out หรือหลุด Trend เหล่านี้ไป
ในปี 2014 ที่ผ่านมาแนวโน้มและจุดน่าสนใจของตลาด Notebook ทั้งไทยและต่างประเทศ คือผู้ผลิตสินค้านิยมทำสินค้าของตนเองให้มีขนาดบางเฉียบ น้ำหนักเบา หรือรู้จักกันในนามของ "Ultrabook" หมายถึงบางเป็นพิเศษ  และการผสมผสานความสามารถระหว่าง Laptop เข้ากับ Tablet ในลักษณะของลูกผสมหรือ Hybrid อย่างเช่น Windows Surface 3 ของ Microsoft เป็นต้น ซึ่งจะสามารถใช้งานแบบหน้าจอสัมผัส หรือ ทัชสกรีน ได้ด้วย


นอกจากนั้นในเรื่องของระบบปฏิบัติการแน่นอนว่าส่วนใหญ่เกือบ 100% จะใช้ระบบปฏิบัติการหรือว่า OS (Operating System) เป็น Windows อย่างไรก็ตามหากคุณเป็นคนที่ไม่ยึดติดหรือคิดว่า หากจะซื้อหาNotebook ใหม่สักเครื่องต่อไปในอนาคต อยากจะลองดูระบบการทำงานอื่น ที่ไม่ใช้ Windows บ้าง คุณก็สามารถที่จะลองพิจารณาเครื่อง notebooks ที่รันระบบโดย Google’s Chrome OS เป็นทางเลือก เช่น 

  • Chromebook Pixel, 
  • HP Chromebook 14, 
  • Acer C720 Chromebook
 ชนิดของ Notebook

Mini notebooks: เป็น Notebook ที่มีหน้าจอขนาดเล็กประมาณ 10 นิ้ว เช่น Asus Transformer T100 ,Sony Tap 11, ซึ่งจะใช้พลังประมวลผล CPU ของ Intel Atom processor แน่นอนว่าพลังในการทำงานหรือประมวลผลจะด้อยกว่า CPU ตระกูล Core i5 ดังนั้นหากคุณเองก็ไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้งานอะไรที่มากมาย ไปกว่าความต้องการ Notebook ที่มีขนาดเล็กพกพาสะดวก มินิ Notebook ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ


All-purpose notebooks: หรือ Notebook แบบเอนกประสงค์ รองรับการทำงานทั่วไปตามที่ Notebook คอมพิวเตอร์พึ่งจะทำได้ เช่น ทำงานสำนักงาน เล่นเน็ต เล่นเกมส์ ฟังเพลง ดนตรี ฯลฯ แต่ว่าก็ไม่ได้โดยเด่นในด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ เช่น Acer Aspire E1-572-6870 เป็นต้น ปกติเครื่องแบบนี้จะมีราคาตั้งแต่ประมาณ 10,000 บาทต้นๆ ขึ้นไป จนถึงประมาณ 20,000 บาทกว่า ๆ ขึ้นไป มีขนาดหน้าจอมาตรฐานที่ 14-16 นิ้ว , การ์ดแสดงผลความละเอียด 1366 x 768 pixels, หน่วยความจำ 4GB เหมาะสำหรับนักศึกษา หรือสำนักงานปกติทั่วไป



Thin-and-lights: เป็น Notebooks ที่ออกแบบมาให้มีขนาดบางและน้ำหนักเบาพิเศษ เหมาะสำหรับคนที่เดินทางบ่อยๆ ไม่ต้องแบกของหนักขึ้นเครื่องให้เมื่อยตุ้ม น้ำหนักจะประมาณ ไม่เกิน 5 ปอนด์หรือ น้อยกว่า , ขนาดหน้าจอไม่เกิน 14 นิ้ว ปกติแล้วประสิทธิภาพในการใช้งาน ไม่แตกต่างจาก Mini Notebook กับ All- purpose Notebook เลยครับ แต่ไม่ต้องแปลกใจถ้าจะมีสนนราคาที่แพงกว่า เนื่องจากวัสดุที่มีน้ำหนักเบา พวก อลูมิเนียม หรือ แมกนีเซียม จะมีต้นทุนในการผลิตที่สูงกว่านั้นเอง ตัวอย่างของ Notebooks ชนิดนี้ เช่น Sony VAIO Pro 13 ราคาประมาณ 45,000 บาท


Desktop replacements: เป็น Notebooks ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานทดแทนคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะหรือ desktop machine, ปกติจะมีขนาดค่อนข้างจะใหญ่และมีน้ำหนักมาก โดยจะมีคุณสมบัติครบหรือใกล้เคียงกับเครื่องคอมพวิเตอร์แบบ PC. เครื่อง Desktop replacements bจะมีพลังการทำงานที่รวดเร็ว มีการ์ดจอแสดงผลที่มีประสิทธิภาพ มีหน่วยความจำมาก และพื้นที่ในการจุข้อมูลสูง มีแป้นพิมพ์ที่ใหญ่ และมีพอร์ต ในการเชื่อมต่อการทำงานที่มากพอ ข้อเสียของเครื่องแบบนี้คือ ราคาแพง และมีน้ำหนักมาก เช่น Toshiba’s Qosmio X75 A7298, เป็นต้น มีราคาที่ $1900 เกือบ ๆ 70000 บาท และมีน้ำหนักมากถึง 7.3 ปอนด์


Gaming notebooks: สำหรับ Notebooks ประเภทนี้จะว่าไปแล้วจะมีคุณสมบัติที่คล้ายๆ กับคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะหรือ PC อยู่เช่นกัน เพียงแต่ว่าได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับหรือเหมาะสมในการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์เป็นพิเศษ ปกติจะมาพร้อมกับ CPU รุ่นล่าสุดที่เร็วที่สุด พร้อมๆ กับส่วนแสดงผล Display card ที่มีหน่วยความจำในการแสดงผลแยกต่างหากเป็นพิเศษ มีหน้าจอขนาดใหญ่นิดหนึ่ง และไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงาน ราคาจะค่อนข้างแพง ถึงแพงมากๆ เช่น Asus G750JH ราคา $2250 เงินไทยก็เอา 32 คูณเข้าไปครับ ก็เกือบ แสนบาทเข้าไปแล้ว จ๊ากๆๆ
ต้องดูสเปกอะไรบ้าง


ถ้าเราพอมีความรู้ก็สามารถติดตามและเทียบสเปกที่น่าสนใจตามลำดับดังนี้ หากเราไม่รู้ก็วานเพื่อนหรือญาติที่มีความรู้ให้ช่วยเป็นเพื่อนในการดู


CPU: .อินเทล ยังครองตลาดความนิยมของลูกค้ามาหลายยุคสมัยจนถึงปัจจุบัน เรียกว่ายังไม่เสื่อมคลายความขลัง โดย CPU รุ่นปัจจุบันของอินเทล ได้แก่ตระกูล Bay Trail ซึ่งมีประสิทธิภาพน้อยที่สุด แต่ก็กินพลังงานน้อยที่สุด เช่นกัน จะพบได้กับ Windows Tablets ที่ใช้ CPU Intel’s Core i3, Core i5, and Core i7 , สำหรับ CPU ยุคที่ 4 ซึ่งมีรหัสชื่อเดิมคือ Haswell เป็นซีพียูที่คนต้องการมากที่สุด Core i5-4200U ด้วยอักษร U ต่อท้ายหมายถึง CPU ที่กินพลังงานน้อย และประสิทธิภาพการทำงานในลักษณะของ dual- และ quad-cores.


สำหรับ AMD ก็ยังไม่ยอมแพ้คู่แข่งอย่าง Intel ยังพัฒนา CPU AMD Elite A-Series Accelerated Processing Units (APUs) ออกมาขับเคี่ยวกับทางฝั่งอินเทล โดยเน้นการผสมผสานประสิทธิภาพการแสดงผลที่รวดเร็ว โดยการรวมพลังแสดงผลของ Radeon graphics technology เข้าด้วยกัน เริ่มจากตัวระดับสูงคือ A10 ลงไปจนถึง A4 ,นอกจากนั้นยังมีรุ่นที่เริ่มต้นด้วย E-Series สำหรับเค่รืองพกพกขนาดเล็ก


Memory: แรมหรือหน่วยความจำ ขนาดน้อยที่สุดคือ 2GB สำหรับรันวินโดว์ 8 แต่เพื่อประสิทธิภาพและความเชื่อถือได้ 4GB เป็นขั้นต่ำที่เราแนะนำ และควรจะมีช่องสำหรับการขยายหรืออัพเกรดเพิ่มเติมได้ในอนาคต


Display: ส่วนแสดงผล จะได้ภาพที่คมชัดหรือรายละเอียดครบ สวยงามก็ดูในส่วนนี้ละครับ ขั้นต่ำคือ 1366 x 768 pixels สำหรับรุ่นใช้งานทั่วๆ ไปครับ ส่วนรุ่นที่สูงกว่าก็อาจจะมีความละเอียดที่มากกว่านี้ครับ เช่น 2560x 1440 ของToshiba Kirabook เป็นต้น


Keyboard: แป้นพิมพ์ ต้องดูขนาดที่เหมาะสม และสะดวกต่อการใช้งาน ซึ่งบางรุ่นจะมีแถบตัวเลข แยกต่างหากคล้ายๆ แป้นพิมพ์เครื่อง PC , ในส่วนนี้แนะนำให้ลองสัมผัสหรือใช้งานดูครับ เพื่อความมั่นใจ และได้สัมผัสจริงๆ


Trackpads: แผงควบคุมคำสั่งการทำงาน ปกติจะมาพร้อมปุ่มทำงานที่จำลองการใช้งานของเม้าส์ด้าน ขวา และ ซ้าย แต่ก็มีบางรุ่น บางยี่ห้อ ที่ทำแยกกันต่างหาก


Storage: พื้นที่เก็บข้อมูลหรือ Hard disk จะเป็นแบบ Serial ATA hard disk ยังนิยมใช้งานเป็นมาตรฐาน ความเร็วการทำงานของรอบ 5400 or 7200 rpm (มากกว่าเร็วกว่า) และความจุขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 500 GB ,บางรุ่นที่แพงๆ อาจจะใช้เทคโนโลยีแบบใหม่ที่เรียกว่า SSD ซึ่งจะทำงานได้เร็วกว่า แต่ก็จะมีราคาที่สูงกว่า ทำให้ได้ขนาดความจุที่ลดลง เช่น 128GB ถึง 256GB เป็นต้น


ทำให้มีบางรุ่นทำเป็นลักษณะของ Cache SSD สำหรับรองรับการเก็บข้อมูลชั่วคราว เพื่อการทำงานที่เร็วกว่ากัน เป็นต้น


Optical drives: ช่องเชื่อมต่อ USB ดูความเร็วขั้นต่ำที่ USB 3.0 และมีอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 3 ช่อง ทั้งนี้ USB 3.0 ได้กลายมาเป็นมาตรฐานในปัจจุบัน ทำให้ความเร็วในการทำงานสูงขึ้น โดยมีหลายค่ายผลิตที่ทำ USB พิเศษสำหรับการซาร์ทมือถือสมาร์ทโฟนเป็นการเฉพาะ หรืออุปกรณ์พกพาอื่นๆ แม้ขณะที่เครื่องยังปิดอยู่


HDMI: เป็นพอร์ตที่ง่ายที่สุดและสะดวกที่สุดในการ connect หรือต่อขยายสัญญาณจากเครื่อง Notebooks แบบรวมทั้งภาพและเสียง Audio+Video ออกไปยังจอฉายภาพขนาดใหญ่เช่น LCD TV หรือเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ เป็นต้น


DisplayPort: ในบ่างรุ่นของ Notebooks สำหรับนักธุรกิจจะมาพร้อมช่องขยายสัญญาณที่เรียกว่า DisplayPort เพิ่มขึ้นมาอีก หรือแทนที่ HDMI ก็มี ซึ่งจะมีความละเอียดและความคมชัดของภาพสูงกว่า HDMI และสามารถต่อออกแสดงภาพหลายๆ หน้าจอภาพพร้อมกัน


Memory card reader:สำหรับการอ่าน และถ่ายโอนไฟล์ภาพจากกล้องดิจิตอล เข้าสู่คอมพิวเตอร์ ปกติจะเป็นช่องอ่านชนิด SD Card slot


Wired ethernet: เป็นช่องสำหรับการต่อสาย LAN หรืออินเตอร์เน็ตความเร็วสูงแบบสายสัญญาณ เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของระบบไร้สาย wi-fiทำให้ผู้ผลิตบางรุ่นบางยี่ห้อ ทำออกมาในลักษณะของเป็น options เสริม คือในรูปแบบที่เป็นอุปกรณ์ พกพาขนาดเล็ก USB-to-ethernet adapter โดยส่วนตัวแล้วแนะนำให้มองหารุ่นที่มีพอร์ตแลนในตัวจะเข้าท่ากว่าครับ


Wireless ethernet: การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบไร้สาย เป็นสิ่งจำเป็นและขาดไม่ได้แล้วในปัจจุบัน โดยมีการพัฒนาเป็น 802.11n Wi-Fi adapters ให้เป็นมาตรฐาน รองรับสัญญาณวิทยุที่คลื่น 2.4GHz และ 5GHz โดยปกติแล้วคลื่น 2.4Ghz จะค่อนข้างหน้าแน่น คนใช้เยอะตามเมืองใหญ่ๆ และง่ายต่อการถูกรบกวน ดังนั้นคลื่น 5Ghz จะมีประสิทธิภาพมากกว่า โดยรองรับ 802.11ac


Webcam: กล้องเว็บแคมหรืออินเตอร์เน็ต สำหรับการสนทนาแบบเห็นหน้าหรือ Face time หรือการประชุมทางไกล การสนทนาผ่านโปรแกรมสังคมออนไลน์ Line,Facebook หรือโปรแกรม Skype ดูที่สเปกความละเอียดขั้นต่ำ 720p


Audio: มีเครื่อง Notebooks น้อยมากที่จะมาพร้อมกับลำโพงคุณภาพในตัว ส่วนมากแค่พอรับฟังได้ หลายคนจึงต้องซื้อลำโพงหรือหูฟังดีๆ ส่วนตัวมาต่อกับช่อง Audio ทีหลัง หรือต่างหาก สเปกที่แนะนำควรจะมีพวก Dolby, DTS, Harman/Kardon เป็นต้น ซึ่งจะชำนาณเรื่องเสียงเป็นพิเศษ


Additional features: ข้อพิจารณาพิเศษ สำหรับนักธุรกิจหรือทั่วไป บางรุ่นอาจจะมาพร้อมคุณสมบัติ fingerprint ในการรักษาความปลอดภัย โดยการสแกนลายนิ้วมือ และ Docking Ports สำหรับขยายความสามารถในการทำงานของเครื่องออกไปอีก

พิมพ์งานจากอุปกรณ์มือถือผ่าน Google's Cloud Print

การสั่งพิมพ์งานจากอุปกรณ์มือถือผ่านระบบ Google's Cloud Print  เป็นอีกช่องทางเลือกที่ทางกูเกิลพัฒนาแอพออกมารองรับ ให้ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์พกพาพวก Android /iPhone สามารถใช้มือถือในการสั่งพิมพ์งานเอกสาร เช่น ไฟล์เอกสาร PDF , MS Word หรือไฟล์เอกสารที่แนบมากับอีเมล หรือที่เราสร้างขึ้นมาเองจากโปรแกรมสร้างเอกสารบนอุปกรณ์มือถือ
แน่นอนว่าปัจจุบันเรายังไม่สามารถที่จะมีเครื่องพิมพ์ที่ออกแบบมาใช้งานและเชื่อมต่อกับอุปกรณ์มือถือหรือแท็บเล็ตโดยตรง แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่สามารถสั่งพิมพ์งานผ่านอุปกรณ์พกพาเหล่านี้ได้ จริงๆ แล้วเราสามารถที่จะสั่งพิมพ์งานหรือเอกสารผ่านโปรแกรมช่วยในการพิมพ์ที่มีชื่อว่า Google's Cloud Print ซึ่งหลักการทำงานของโปรแกรมก็มีดังนี้ครับ

ขั้นตอนแรกสุด คือนั่งลงที่คอมพิวเตอร์ของเราที่มีเครื่องพิมพ์เชื่อมต่อใช้งานตามปกติ จะเป็นแบบอิงค์น้ำหมึกหรือแบบหัวยิงเลเซอร์ก็ได้ทั้งสองแบบไม่ว่ากัน

จากนั้น ให้คุณไปที่โปรแกรมท่องอินเตอร์เน็ตของกูเกิล Google chrome เปิดขึ้นมา แล้ว Sign in หรือ Log in เข้าไปในบัญชีผู้ใช้งานของเราตามปกติ

ก็จะเป็นชื่อ email ส่วนตัวของเรา และรหัสผ่านครับ

จากนั้นขั้นตอนต่อไป ให้ไปที่เมนู the Cloud Print page เพื่อตั้งค่าเครื่องพิมพ์ และ connect กับอุปกรณ์พกพาของเรา

ขั้นตอนต่อมา กลับมาที่อุปกรณ์พกพาของคุณ ไปที่ร้านค้า กูเกิลสโตร์ ค้นหาและดาวโหลดแอพตัวนี้มา Cloud Print หลังจากดาวโหลดและ install แอพเสร็จ เราก็จะอยู่ในโหมดการทำงานที่เรียกว่า Cloud Print ที่พร้อมให้เราสามารถเปิดไฟล์เอกสารต่างๆ บนบริการออนไลน์ เช่นพวก Google Drive, Dropbox, Google Calendar, หรือ Mail ของเรา จากนั้นก็สามารถที่จะสั่งพิมพ์งานหรือ Print out เอกสารออกไปที่เครื่องพิมพ์ตามที่เรากำหนดไว้ในขั้นตอนแรกได้ทันที


กรณีที่คุณต้องการจะพิมพ์หน้าเอกสารบนเว็บเพจ สามารถทำได้โดยง่ายๆ โดยการไปที่คลิกที่ปุ่ม share และ send ไปที่ Cloud Print เท่านั้นแหละครับ เรียบร้อย

อย่าลืมเปิดเครื่องพิมพ์และใส่กระดาษให้เรียบร้อยก่อนสั่งพิมพ์ด้วยครับ

รับส่งภาพระหว่างคอมพิวเตอร์กับ Android โดย AirDroid

การรับส่งภาพจากอุปกรณ์มือถือแอนดอยน์ Android ไปใช้งานบนคอมพิวเตอร์ สามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีหนึ่งที่น่าสนใจและกำลังนิยมใช้งานกันในปัจจุบันคิอการรับส่งภาพไปยังคอมพิวเตอร์ โดยใช้แอพ ที่มีชื่อว่า AirDroid ซึ่งสามารถดค้นหาและดาวโหลดแอพนี้ได้จากกูเกิลสโตร์
AirDroid ได้รับการออกแบบพัฒนามาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนที่ต้องการโอนภาพจากมือถือไปยังคอมพิวเตอร์ เพื่อประกอบการนำเสนอ หรือการทำบรรยายสรุป ฯลฯ  จัดว่าเป็นแอพที่น่าสนใจและติดตั้งใช้งานประจำตัวเลย เพราะความง่ายและสะดวกในการทำงาน ไม่ต้องง้อหรือรอสายอีกต่อไป

การ connect หรือเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งสองให้รู้จักกันก่อน เป็นสิ่งแรกที่ต้องทำ ผ่านเครือข่าย Wi-Fi เดียวกัน อย่างน้อยก็ครั้งแรกละ หลังจากนั้นจะมีตัวเลือก 2 options ในการ connect

มาดูตัวเลือกแรก ผ่าน AirDroid

1 เริ่มจากดาวโหลดแอพ AirDroid จากกูเกิบสโตร์ และ install แอพให้เรียบร้อย จากนั้นเปิดแอพขึ้นมา ซึ่งจะทำการตรวจหรือสแกนหาหมายเลข IP ของมือถือ android ของเราขึ้นมา เช่น  192.168.x.x ประมาณนี้ครับ
2 นำหมายเลข IP ที่ได้ ไปใส่ลงในช่องที่อยู่หรือ Address bar ของโปรแกรม Browser บนคอมพิวเตอร์ ที่ต้องการเชื่อมต่อ จากนั้นทั้งสองอุปกรณ์ก็ควรจะแสดงข้อความว่าเจอกันแล้วนะ เป็น Accept หรือการยอมรับการเชื่อมต่อกัน ก็แตะ Accept เลย
airdroiddashboard

options ที่สอง เชื่อมต่อผ่านเว็บไซต์ web.airdroid.com

1 บนคอมพิวเตอร์ไปที่เว็บไซต์ web.airdroid.com

2 คุณควรจะเห็น AirDroid dashboard แสดงพร้อมกับ QR โค้ด สำหรับการ Log in ใช้งาน

3 บนมือถือ android ของคุณ เปิดแอพ AirDroid ขึ้นมา แตะที่คำสั่ง “Scan QR Code” แล้วนำไปสแกนไอค่อน OR บนหน้าจอคอมพิวเตอร์
airdroid web qr code

หลังจาก Connect และเชื่อมต่อกันแล้ว ก็สามารถที่จะคัดลอก หรือโอนภาพภาพระหว่างกัน ได้อย่างรวดเร็วทันที

สร้างเว็บเพจให้สวยประทับใจด้วย Tackk

สำหรับคนที่สนใจต้องการหรืออยากมีประสบการณ์ในการสร้างเว็บเพจกับเขาดูบ้างสักครั้ง ว่าการสร้างเวบเพจแต่ละหน้าต้องใช้เวลานานแค่ไหน มีความรู้ความสามารถอะไรบ้าง หรือหลายๆ คนที่ยังลังเลอยู่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร สนใจลองดูวิธีที่ผมกำลังจะแนะนำต่อไปนี้หรือเปล่าครับ

ถ้าคุณไม่เคยสร้างเวบเพจมาก่อน และไม่คิดว่าคุณจะทำได้ โปรแกรมตัวนี้ จะทำให้คุณเปลี่ยนใจแน่นอนครับ

เพราะว่า Tackk คือโปรแกรมที่สุดยอดในการเริ่มต้นสร้างหน้าเว็บเพจที่รวดเร็วและสวยงาม โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับภาษารหัสหรือการออกแบบดีซานย์เลย แต่ว่า Tackk จะช่วยให้งานของคุณดูดีมีคลาสและน่าสนใจต่อผู้พบเห็นหรือผู้มาเยี่ยมชมอย่างแน่นอน แบบว่าอึ่งกันไปทีเดียว

ทั้งหมดนี้ทางโปรแกรม Tackk ได้ออกแบบมาให้แล้ว งานคุณที่เหลือก็คือจัดแต่งหรือจับแต่งหน้าเพจให้สวยงามและตรงใจคุณมากที่สุดเท่านั้น

สำหรับคนที่เคยใช้งาน Tackk มาก่อนก็จะง่ายขึ้น เพราะว่าเวอร์ชั่นล่าสุดของโปรแกรม ก็ยังคงคำสั่งพื้นฐานในการใช้งานครบเช่นเดิม แต่เพิ่มความสามารถพิเศษและลูกเล่นใหม่ๆ เข้ามาให้สอดคล้องกับความนิยมในปัจจุบัน ช่วยให้การดีซายน์หรือการออกแบบหน้าเพจของคุณง่ายขึ้น แสดงออกถึงจินตนาการและความคิดที่หลากหลาย การเลือกสีของเว็บเพจ การแทรกคลิปภาพ วีดีโอ ดนตรี เพลง

จุดสำคัญอีกเรื่องคือ สื่อออนไลน์ Social media เช่นการแสดงโปรไฟล์ของเว็บเพจ พร้อมรูปภาพ ประวัติย่อ และลิงค์ออกไปยังข้อมูล หรือสื่อออนไลน์อื่นๆ นอกจากนั้นเรายังสามารถติดตาม 



ภาพรวมๆ ที่คุณควรทราบ

ไม่มีรูปแบบไหนที่สำเร็จและตายตัวในการสร้างสรรค์งานเว็บไซต์ แต่คุณจะได้ทราบถึงวิธีการ How to และองค์ประกอบของเว็บเพจ เช่น


  • การแบ่งสัดส่วน เป็นส่วนหัว ส่วนคอลัมภ์ ส่วนแสดงเนื้อหาหลัก ส่วนท้ายเพจ ฯลฯ
  • การจัดวางองค์ประกอบให้เหมาะสม สวยงาม 
  • อิทธิพลและความง่ายของสื่อออนไลน์ Social media 
  • การค้นหาคำตอบหรือความรู้เพิ่มในส่วนที่ขาดหายไป เพื่อเติมเต็มหรือทำให้ครบ

จุดเด่น
  • ความง่ายในการสร้างเพจที่สวยงามโดนใจในเวลาอันสั้น 
  • แทรกสื่อหรือเนื้อหาได้หลายแบบจากตัวเลือก widgets 
  • ค้นหาและติดตามผู้คนผ่านระบบแท็ก 
ข้อด้อย
  • สร้างเว็บไซต์ได้หน้าเดียว

สนใจดาวโหลด Tackk 

วิธีรับส่งรูปภาพระหว่าง Android กับ Computer

การรับส่ง หรือการโอนไฟล์ภาพ Picture ระหว่างมือถือแอนดอยน์กับคอมพิวเตอร์ สามารถรับส่งกันได้หลักๆ  3 ช่องทางด้วยกันคือ

  • ผ่านสาย USB
  • ผ่านบลูธูท Bluetooth
  • ผ่าน Wireless 

ซึ่งทั้งสามวิธีนั้น ตามความคิดเห็นของผม แบบแรกจะเป็นแบบที่สะดวก รวดเร็ว ง่ายสุด แน่นอนที่สุด ก็ว่าได้ครับ อย่างไรก็ตามทั้ง 3 แบบ ตามที่กล่าวมาแล้ว ก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันออกไป
สำหรับวันนี้ผมจะมาแนะนำแอพสำหรับใช้ในการรับส่งไฟล์รูปภาพจากมือถือ ไปยังคอมพิวเตอร์ ผ่านระบบไร้สาย หรือว่า ไวร์เลส กันครับ ซึ่งข้อดีคือเราไม่จำเป็นจะต้องต่อสาย USB ระหว่างเครื่อง อาจจะไม่มีหรือลืมเอามา หรือต่อแล้ว อุปกรณ์ ดันไม่รู้จักกัน เป็นต้น
ทำความรู้จักกับ  Wireless Transfer App
ดูจากชื่อแล้วก็ตรงตัวเลยครับ เป็นแอพที่รับส่งหรือ Transfer ข้อมูลภาพผ่านระบบไร้สายครับ
มาดูคุณสมบัติและความสามารถของแอพกันครับ

Wireless Transfer App รองรับการทำงาน ได้แก่

1. โอนรูปภาพจากอุปกรณ์ Android
2. โอนหรือรับส่งภาพจาก Android ไปยัง iPhone / iPad / iPod
3. โอนหรือรับส่งภาพจาก iPhone / iPad / iPod ไปยัง Android
4. ดาวโหลดจาก Android device ไปคอมพิวเตอร์
5. Upload ภาพจากคอมพิวเตอร์ ไปยัง Android devices

จุดเด่น

* ความเร็วสูงกว่า Bluetooth
* ไม่ต้องการสาย USB
* 'สะดวกต่อการใช้งานผ่านแอพ Wireless Transfer App

ขั้นตอนการทำงาน

1 อุปกรณ์ของเราทั้งสองชนิด Android กับคอมพิวเตอร์ จะต้อง connect หรือเชื่อมต่อไร้สาย Wireless เครือข่ายเดียวกัน
2 ดาวโหลด Wireless Transfer App จากกูเกิล สโตร์
3 ติดตั้งแอพลงมือถือ android หรือ iphone ให้เรียบร้อย
4 ดาวโหลดโปรแกรมสำหรับคอมพิวเตอร์ Windows หรือ Mac vตามลิงค์ http://www.wirelesstransferapp.com

Wireless Transfer App - screenshot thumbnail

วิธีการเปิดไฟล์ PDF บน Android

การเปิดอ่านเอกสาร PDF (Portable Document Format) ไฟล์เอกสารยอดนิยมในการแชร์หรือรับส่งข้อมูลรูปแบบหนึ่ง ซึ่งได้รับการบีบอัดพิเศษ ไม่สามารถเปิดอ่านด้วยโปรแกรมสำนักงานทั่วๆ ไปได้ จำเป็นต้องมีโปรแกรมสำหรับการอ่านไฟล์ PDF เป็นการเฉพาะ หากมือถือแอนดอยน์หรือแท็บเล็ต Android ของคุณ ไม่สามารถที่จะ view หรือเปิดอ่านไฟล์ PDF บนหน้าเว็บหรือไฟล์ PDF ที่เพื่อนๆ ของคุณส่งมาให้ทางอีเมล แล้วละก็ แสดงว่า อุปกรณ์ของคุณไม่มีโปรแกรมอ่านเอกสาร PDF ตามที่กล่าวมาแล้ว นั้นเอง

การแก้ไขปัญหา ก็ไปดาวโหลดโปรแกรม มาติดตั้งและใช้งานบนอุปกรณ์ของคุณ

โดย ทางผู้พัฒนาโปรแกรมก็ได้มีการออกโปรแกรมอ่านไฟล์ PDF ให้มีความสามารถในการอ่านไฟล์เอกสารบนมือถือ Android ได้อยู่แล้ว จึงไม่น่าจะยากอะไร สำหรับ ท่านที่มีโปรแกรมดังกล่าวติดตั้งบนเครื่องอยู่แล้วครับ ส่วนใครที่ไม่มีก็ไม่ต้องตกใจครับ ท่านสามารถเข้าไปค้นหาและดาวโหลดโปรแกรมอ่านไฟล์ PDF สำหรับแอนดอยน์ได้จาก Play สโตร์ของกูเกิล และสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมตามรายละเอียดด้านล่างครับ

Adobe Reader เป็นฟรีแอพ สำหรับการเปิดอ่านไฟล์ PDF ที่ได้รับความเชื่อถือ และใช้งานบนอุปกรณ์ต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ หรือมือถือ แท็บเล็ต ฯลฯ ทำให้สามารถจัดการไฟล์ หรือแชร์ไฟล์ในระบบอินเตอร์เน็ต ตลอดจนการแปลงไฟล์ในรูปแบบอื่นๆ ตามต้องการ
Cover art
การเปิดไฟล์ PDF
• เปิดอ่านไฟล์โดยตรงจาก email, หรือเว็บ หรือแอพที่รองรับการแชร์ "Share"
• ดูข้อมูลผู้ส่ง การเข้ารหัสผ่านเอกสาร การเพิ่มคำอธิบาย และการใส่กรอบอธิบายเพิ่มเติม
• ค้นหาข้อมูลบนเอกสาร โดยใช้ snippets
• เลือกดูที่ละหน้าหรือตามลำดับที่เรียงต่อกัน
• ขยายเข้าออก เพื่อความง่ายในการดู
• อ่านในที่แสงน้อยด้วยโหมด Night Mode
• อ่านย่อหน้ายาวๆ ด้วย Brightness Lock

ส่งของเอกสาร PDF files tไปเป็น Word หรือ Excel โดยอาศัย Adobe ExportPDF online service
• แปลงไฟล์ PDF files เป็นเอกสารไฟล์สกุลอืนๆ เช่น DOC, DOCX, XLSX or RTF formats for easy editing
• จ่ายเพิ่มซื้อความสามารถในการส่งออกไฟล์ จาก Adobe Reader
• ผสมผสานการ login สำหรับการส่งออกไฟล์ ExportPDF subscribers

สร้างเอกสาร PDF files โดยใช้ PDF Pack online services
• สร้างเอกสาร PDF files ด้วย Word หรือ Excel
• แปลงไฟล์ภาพเป็น PDF
• จ่ายเพิ่มซื้อความสามารถในการส่งออกไฟล์ จาก Adobe Reader
• รวมการ login for PDF Pack และ Adobe Acrobat Plus subscribers

เก็บและเข้าถึงเอกสารผ่านระบบ cloud กับ Acrobat.com
• แชร์ไฟล์ให้กับผู้ใช้งานร่วมกัน ผ่าน Acrobat.com
• บันทึกข้อมูลอัตโนมัติ หากมีการเปลี่ยนแปลง
• ซิงค์ข้อมูลอัตโนมัติ

การเรียกดูผ่าน PDF content
• ระบบกั้นหน้าเอกสาร bookmarks ข้ามไปยังหน้าที่ต้องการทันที
• แตะที่ลิงค์เพื่อเปิดหน้า PDF หรือ web pages
• ย้อนกลับหน้าเดิมด้วย link หรือ bookmark
• ไปยังหน้าใดๆ โดยการแตะหมายเลขหน้า
• ดูภาพรวมทั้งหมดผ่านภาพย่อ thumbnails

แทรกกรอบอธิบายหรือคอมเม้นต์
• แทรก comments บนเอกสารโดยใช้ sticky notes
• เพิ่มข้อความผ่าน Text tool
• ใส่ข้อคิดเห็น feedback โดยการทำแถบสี highlight, strikethrough, และ underline tools
• แทรกข้อคิดเห็นหรือจุดสังเกตโดยการวาด หรือเขียน freehand drawing tool,

การกรอกข้อมูลเอกสาร Fill out forms
• รวดเร็วในการกรอก PDF forms
• กำหนดค่าที่ต้องการอย่างถูกต้อง ด้วย field validation, calculation, and formatting
• บันทึก ลงซื่อ และส่งต่อ

การจัดการเอกสาร
• สร้างแฟ้มเก็บเอกสารที่ง่ายในการจัดการ
• คัดลอกหรือ Copy documents เพื่อใช้งานเป็น templates
• การเปลี่ยนชื่อไฟล์
• ง่ายในการเลือกและลบเอกสารพร้อมกันแบบ delete multiple documents

ลงชื่อเอกสารด้วย Electronically sign documents
• ลงนามดิจิตอลผ่านระบบ Adobe EchoSign โดยใช้ “Send for Signature”
• ใช้ Ink Signature tool เพื่อลงชื่อเอกสาร โดยใช้นิ้วมือ your finger

การพิมพ์และแชร์เอกสาร
• แชร์ไฟล์ PDFs ด้วย "Share"
• ส่ง Email PDFs ด้วยการแนบไฟล์ attachments
• สั่งพิมพ์งานผ่านระบบ Google Cloud Print

รองรับหลายภาษา :
English, Chinese Simplified, Chinese Traditional, Czech, Danish, Dutch, French, German, Italian, Japanese, Korean, Polish, Portuguese, Russian, Spanish, Swedish, and Turkish

สนใจดาวโหลด Adobe Reader สำหรับ Android

พื้นฐานการสร้างแผงผังงาน Flowchart ด้วย Edraw Max

วิธีการสร้างแผนผังการทำงาน

มีหลายวิธีในการสร้างแผนผังหรือ flowcharts อย่างไรก็ตามสิ่งต่อไปนี้เป็นพื้นฐานของการเริ่มต้นสร้างแผนผังหรือขบวนการทำงานใดๆ
  • ระบุว่าใครคือคนที่ใช่ในการสร้างแผนผัง 
  • พิจารณาสิ่งที่เราคาดหวังที่จะได้รับจากแผนผัง
  • ระบุว่าใครจะเป็นคนใช้งานแผนผังและใช้อย่างไร 
  • กำหนดระดับของรายละเอียดที่เราต้องการ 
  • สร้างขอบเขตของขบวนการที่จะปรับปรุง 
ความหมายของขอบเขตหรือ boundaries หมายถึงจุดเริ่มต้นและจุดสุดท้ายของกระบวนการ ยกตัวอย่างเช่น ร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ขอบเขตของงาน ซ่อม อาจจะเริ่มต้นเมื่อ มีเครื่องปั๊มน้ำเข้ามาในร้าน และจบลงที่ขั้นตอนการตรวจสอบสุดท้าย ดังนั้น ขอบเขตของงานก็จะบอกถึง ความสัมพันธืของทีม หรือส่วนงาน ความรับผิดชอบ การทำงาน การปฏิบัติ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนงาน รวมทั้งการประสานกับส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

ในครั้งแรกที่นำมาใช้งานทีมงานอาจจะไม่คุ้นเคยและงงกับแผนผังได้ หรือไม่เห็นด้วยกับกระบวนการทำงานดังกล่าว อาจจะเห็นว่ายุ่งยากและยากต่อการทำตาม และอาจจะต่อต้านและไม่เห็นคุณค่าของแผนผังการทำงานเลยก็มี
Basic Flowchart Software
อะไรคือปัจจัยสำคัญของแผนผังงานที่ประสพความสำเร็จ

  • สำคัญที่สุดคือเริ่มจากสิ่งที่ทำงานได้จริงๆ ไม่ใช่รูปแบบที่เราคิกว่ามันใช้ได้ ต่อมาเราสามารถปรับตามที่มันควรจะเป็น ตามกฏหรือกติกาของมัน หรือตามที่เรามั่นใจว่ามันได้ผล อย่างไรก็ตามปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา ได้แก่ 
  • เริ่มจากภาพใหญ่ เป็นสิ่งที่ดีเสมอ จากนั้นเราค่อยพัฒนาในรายละเอียดของแต่ละขั้นตอน เพื่อเพิ่มรายละเอียดของแต่ละขั้นตอนต่อไป 
  • สังเกตุกระบวนการปัจจุบัน ทางเลือกที่ดีคือเริ่มจากกระบวนการที่กำลังดำเนินการอยู่ ณ ปัจจุบัน และเดิมตามแผนผังที่กำหนดการปฏิบัติ 
  • บันทึกผลการทำงาน ตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เขียนบันทึกลงในกระดาษบันทึกหรือโน้ต อาจจะใช้สีที่แตกต่างกัน เพื่อแทนกลุ่มหรือ ส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยให้เราอ้างอิงและเข้าใจกระบวนการทำงานมากขึ้น 
  • ใช้กระดาษโน้ตเรียงลำดับกระบวนการงานหรือขั้นตอนอย่างเรียงลำดับ ตามที่เราบันทึกหรือสังเกต ช่วยให้ความคิดและและการบันทึกของเราไม่หล่นหาย 
  • วาดแผนผังงาน เริ่มจากที่เราสังเกต บันทึก และเรียงลำดับตามจริง 

ชนิดของแผนผังงานหรือ Flowcharts

  • Linear flowchart แผงผังงานที่แสดงลำดับการทำงาน ตามขั้นตอนงาน ที่ทำเป็นกระบวนงาน เครื่องมือนี้ จะช่วยระบุงานที่ไม่จำเป็น หรืองานที่ซ้ำซ้อนได้ 
  • Deployment flowchart. แผงผังการพัฒนา แสดงการขับเคลื่อนงานที่แท้จริง พร้อมระบุกลุ่มคนหรือบุคคล ที่เกี่ยวข้องของแต่ละขั้นตอน เส้นแนวนอนจะกำหนดความสัมพันธ์ของลูกค้า กับส่วนสนับสนุนลูกค้า และส่วนอื่นๆ ตลอดทั้งกระบวนงาน 
  • Opportunity flowchart. จะแสดงตัวแปรในรูปแบบลายเส้น ความแตกต่างของกิจกรรมในแต่ละขั้นตอน และเพิ่มมูลค่าจากสิ่งที่เพิ่มขึ้นเฉพาะค่าใช้จ่ายเท่านั้น 
  • Value-added steps (VA) เป็นปัจจัยสำคัญ สำหรับการผลิตสินค้าหรือการบริการ หรือกล่าวได้ว่า ผลผลิตไม่สามารถทำออกมาได้ หากไม่มี VA 
  • Cost-added only steps ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญสำหรับการผลิตสินค้าหรือจำเป็นต่อการผลิตหรือการบริการ แต่อาจจะมีการเพิ่มลงไปเพราะการกระทำที่ผิดพลาด เช่น การตรวจสอบขั้นสุดท้ายอาจจะเพิ่มขึ้นมา เพราะมีสินค้าชำรุดหรือบกพร่อง เป็นต้น 

วิธีการแปลความแผนผังงาน

แผงผังงานจะช่วยเราเข้าใจกระบวนการและเปิดเผยวิธีการในการปรับปรุงงาน ถ้าเราสามารถวิเคราะห์ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ปัจจุบัน

  • พิจารณาว่าใครเกี่ยวข้องกับขบวนงาน 
  • กำหนดทฤษฏีจากรากเหง้าของปัญหา 
  • ระบุวิธีการในการ ปรับปรุงประสิทธิภาพงานให้ดีขึ้น 
  • พิจารณาวิธีการปฏิบัติที่จะเปลี่ยนแปลงกระบวนงาน 
  • ระบุขั้นตอนที่ของ cost-added-only steps;
  • จัดให้มีการฝึกอบรมเพื่อขับเคลื่อนกระบวนงาน 

ขั้นตอนการวิเคราะห์แผนงาน Flowchart


Step 1 - ตรวจสอบแต่ละขั้นตอนตามเงื่อนไขที่ระบุความจำเป็นในการปรับปรุงกระบวนงาน

  • Bottlenecks. ปัญหาคอขวด จุดที่ทำให้กระบวนงานช้าลง เนื่องจากความลังเล หรือ งานที่ไม่จำเป็น ทำซ้ำ ขาดประสิทธิภาพ หรือปัจจัยอื่นๆ 
  • Weak links. ปัญหานี้เกิดจากการที่ คนไม่มีประสิทธิภาพ ขาดความรู้และการอบรมงานที่เกี่ยวข้อง อุปกรณืที่จำเป็นต่อการทำงาน หรือขาดคำแนะนำหรืออ้างอิงที่เหมาะสม
  • Poorly-defined steps. ขั้นตอนที่ไม่ชัดเจน นำไปสู่การตีความที่ผิดพลาดของคนที่เกี่ยวข้อง ส่งผลทำให้เกิดตัวแปรตามของกระบวนงาน 
  • Cost-added-only steps. ขั้นตอนนี้ ไม่มีการเพิ่มมูลค่าต่องสินค้าหรือผลผลิต จึงควรระบุและกำจัด 

Step 2 - ตรวจสอบแต่ละขั้นตอนการตัดสินใจ อาจจะมีการดูข้อมูลว่าบ่อยแค่ไหนที่ต้องตัดสินใจ ทำ / ไม่ทำ ณ จุดตกลงใจ กรณีถ้าการตัดสินใจ ไปในทิศทางเดียว มากกว่ากระจายทิศทาง เราอาจจะลบจุดตกลงใจนี้ออกได้
Step 3 - Examine each rework loop. กระบวนงานที่มีการตรวจสอบซ้ำซ้อน สิ้นเปลืองและเสียเวลา มองหาวิธีการที่สั้นลง เพื่องานที่เร็วขึ้น
Step 4 - Check each activity symbol. ดูและละขั้นตอนว่าสำคัญจริง และช่วยสร้างคุณภาพและคุณค่าให้กับสินค้าหรือผลผลิตจริง หากไม่จำเป็นก็สามารถตัดออกไปได้ 

สำหรับการสร้างแผงผังงานการใช้โปรแกรมมาช่วยในการเขียนและพัฒนา จะเสริมสร้างความเข้าใจและช่วยการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น แรกๆ อาจจะงงๆ บ้าง หลังจากศึกษาและทำตามตัวอย่างไปสักระยะ ก็จะค่อยๆ เข้าใจและเก่งขึ้นไป เรื่อยๆ ครับ สนใจดาวโหลดได้ตางลิงค์ด้านล่างครับ

Free Download Flowchart Software and View All Examples

เปรียบเทียบ Surface Pro 3 กับ MacBook Air 2014 ?

จับกระแสการเปิดตัวของ Microsoft Surface Pro 3 ที่ผสมผสานคอมพิวเตอร์แล็บท็อบเข้ากับแท็บเล็ตอย่างลงตัว เรียกว่าเป็นจุดเด่นหรือจุดขายที่ทาง Microsoft ประกาศออกมาอย่างชัดเจน สำหรับลูกค้าที่ต้องการ 2 อย่างในเครื่องเดียวอย่างลงตัว น่าประทับใจ และไม่ด้อยไปกว่ากันในด้านใดด้านหนึ่ง

แน่นอนว่าระหว่างการเปิดตัว Microsoft Surface Pro 3 ต่อสื่อต่างๆ ทาง Microsoft ได้ประกาศชัดเจนถึงจุดประสงค์ของ Microsoft Surface Pro 3 ว่าทำออกมาเพื่อแย่งตลาดและแข่งขันกันกับ ตลาดคู่แข่งอย่าง MacBook Air ของค่าย Apple นั้นเอง อย่างที่บอกไปแล้วว่าอุปกรณ์ตัวนี้ไม่ใช่แท็บเล็ต แต่เป็นคอมพิวเตอร์ลูกสมหรือ hybrid ที่ทำออกมาเพื่อให้มีความสามารถที่เหนือกว่า แล็บท็อบ อย่าง MacBook Air อย่างไรก็ตามถ้าลองเปรียบเทียบประสิทธิภาพ ราคา และความสามารถกันแล้ว น่าสนใจไม่น้อยว่าตัวไหนจะคุ้มค่าและน่าหามาใช้งานมากกว่า

หน้าจอสัมผัส?

ประการแรกสุด MacBook ไม่ใช่แท็บเล็ต หากคุณต้องการจะชื่อแท็บเล็ตของ Apple ก็ต้องแยกซื้อเป็น iPad Air ขณะที่ จุดเด่นและข้อได้เปรียบของ Microsoft Surface Pro 3 ก็คือเป็นทั้งแท็บเล็ตและ Loptop ในตัวเอง

การทำงานเป็นแท็บเล็ตของ Microsoft Surface Pro 3 โดยพื้นฐานเลย ก็จะมีพวกแอพพลิเคชั่นที่สามารถดาวโหลดได้จาก ร้านค้าของวินโดว์ Windows Store, การทำงานแบบหน้าจอสัมผัส ที่สามารถเปิดปิดหรือทำงานแอพต่างๆ ได้พร้อมกัน รวมทั้งหน้าจอที่สวยงามน่าใช้งาน

แน่นอนว่า Microsoft Surface Pro 3 ไม่ใช่แท็บเล็ตโดยกำเนิดอย่างพวก iPad หรือ Samsung Galaxy Tab ซึ่งออกแบบมาเป็นพิเศษและเฉพาะสำหรับการเป็นแท็บเล็ตจริงๆ พวกแอพ และประสิทธภาพในการทำงานเป็นแท็บเล็ตจึงเหนือกว่า Microsoft Surface Pro 3 แน่นอนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามหากทาง Microsoft มีการพัฒนาและอัพเดทแอพใหม่ๆ ออกมารองรับแล้ว Microsoft Surface Pro 3 ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจและน่าจะคุ้มค่า ขณะที่ MacBook ไม่รองรับการทำงานแบบนี้อยู่แล้ว 
Microsoft Surface Pro 3 vs 2014 Apple MacBook Air

พลังประมวลผลการทำงาน

ทั้งสองอุปกรณ์ Surface Pro 3 และ MacBook Air hต่างก็ใช้ชิปประมวลผล Intel Core "Haswell" processors, ทั้งนี้ทาง Microsoft Surface Pro 3 ให้ตัวเลือกลูกค้าต่ำลงไปจนถึงซิป i3. แต่ทาง Apple jพึ่งจะอัพเดท ไปใช้ซีพียูที่สูงกว่าและเร็วกว่ากับอุปกรณ์ของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าความเร็วในการทำงานก็จะเหนือกว่า Microsoft Surface Pro 3 อยู่นิดๆ หน่อยๆ

มองดูที่หน่วยความจำและความจุของข้อมูล ทั้งสองอุปกรณ์ดูจะไม่แตกต่างกันมากนัก โดยมีขนาดตั้งแต่ 8 GB และจุข้อมูลภายใน 512 GB ซึ่งก็ปรับขนาดตามตลาดและกำลังซื้อของแต่ละกลุ่มลูกค้า

The Surface Pro 3 มีขนาดหน้าจอที่เล็กกว่า MacBook Air, bแต่มีความสามารถเป็นหน้าจอแบบสัมผัสได้ และมีความละเอียดของหน้าจอที่สูงกว่า (2160 x1440 กับ 1440 x 900) แน่นอนว่าการรับชมภาพและการท่องอินเตอร์เน็ตของหน้าจอ Microsoft Surface Pro 3 จะทำให้ได้รายละเอียดและความคมชัดมากกว่า เพียงแต่ขนาดหน้าจอเล็กกว่าเท่านั้นเอง

The Surface Pro 3มาพร้อมปากกา สำหรับจดบันทึก ขีดเขียนหรือลงลายเซ็นต์บนหน้าจอ วาดภาพ และอื่นๆ ตามต้องการและจินตนาการของผู้ใช้งาน ขณะที่ MacBook Air ไม่ได้มีความสามารถหน้าจอแบบสัมผัสหรือ a touchscreen, จึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับ Surface Pro 3 ได้ในฟีเจอร์นี้

การขยายการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ MacBook Air, tเหนือกว่า Surface Pro 3 โดยจะมีช่องทางในการเชื่อมต่อพอตร์ USB port aมาพร้อมช่องอ่านรับข้อมูลแบบ SD card slot. ถ้าใครสักคนที่ต้องการถ่ายโอนภาพจากกล้องอาจจะผิดหวังเล็กน้อยกับ Microsoft ที่นำ microSD card slot มาใช้งาน เพราะไม่รองรับกับกล้องทุกตัวทุกนามสกุล ซึ่งแน่นอนว่า ช่อง SD card slot จะสะดวกและรองรับการนำเข้าภาพจากกล้องมืออาชีพอย่าง DSLR มากกว่า

The Surface Pro 3 มีประสิทธภาพที่เหนือกว่า MacBook Air เมื่อเชื่อมต่อส่วนขยายหรือ docking station (แยกขายราคา $199.99 ). ซึ่งมีช่องต่อแสดงผลที่ให้ความคมชัดและละเอียดเหนือกว่า MacBook Air นอกจากนั้นยังมีพอร์ต สำหรับต่อใช้งาน เช่น (3 ช่อง USB 3.0, 2 ช่อง USB 2.0, แลน Ethernet, ระบบเสียง audio out).

การพิมพ์งาน แน่นอนว่า MacBook Air ชนะเห็นๆ โดยมาพร้อมแป้นพิมพ์ในตัว ไม่ต้องจ่ายเพิ่มให้เสียเงินอีก เรียกว่าใครที่ใช้งานพิมพ์บ่อยๆ Microsoft Surface Pro 3 ก็ไม่น่าใช่สำหรับคุณ เพราะต้องใช้เวลามากกว่าในการสร้างความคุ้นเคยกับแป้นพิมพ์บนหน้าจอแบบสัมผัส

ข้อแตกต่างอื่นๆ Surface Pro 3 มาพร้อมกล้องหน้า + กล้องหลังความละเอียด 5 MP cขณะที่ MacBook Air มีกล้อง 1 ตัว ,ส่วน Wi-Fi ของ Surface Pro 3 จำกัดอยู่ที่ 802.11n ขณะที่ของ MacBook Air ไปถึง 802.11ac, ซึ่งจะรวดเร็วมากกว่าในการถ่ายโอนข้อมูลและการเล่นเน็ต

การพกพาและอายุการใช้งานของแบต

The Surface Pro 3 จะมีขนาดที่บางกว่า (9.1 mm กับ3 - 17 mm ) และเบากว่า (800 grams กับ 1.35 kilograms)

อายุการใช้งานของแบต Surface Pro 3, นาน 9 ชั่วโมงในการท่องเน็ต ขณะที่ MacBook Air (ประมาณ 12 ชั่วโมงในการใช้งานปกติทั่วๆ ไป และมากกว่า 30 วันในโหมด standby

ระบบปฏิบัติการ Windows 8.1 vs OS X 10.9 Mavericks (with Windows 8.1)

สองอุปกรณ์นี้ใช้งานโอเอสที่ต่างกัน จึงขึ้นอยู่กับความถนัดและความชอบของแต่ละคนเป็นสำคัญ โดยแก่นแท้แล้วจึงไม่มีความแตกต่างในเรื่องการทำงานและประสิทธิภาพ

ราคา

แน่นอนว่าราคาของ Surface Pro 3 ไม่ได้ขายเบ็ดเสร็จที่ตัวเครื่องเพียงอย่างเดียว แต่ยังแยกขายแป้นพิมพ์หรือคีย์บอร์ดแยก รวมทั้งระบบปฏิบัติการ Windows 8.1 ราคาอย่างต่ำเริ่มต้นที่ $930 แล้วครับ

ขณะที่คู่แข่งอย่าง MacBook Air ราคาเริ่มต้นที่ $999, แพงกว่า $70 แต่มาพร้อมซีพียูที่เร็วกว่าอย่าง Core i5 processor (เปรียบเทียบกับ Core i3 บน Surface Pro 3) และความจุภายในที่มากกว่าเท่าตัว (128 GB กับ 64 GB บน Surface Pro 3). ลองดูตารางและสเปกเพื่อเปรียบเทียบกัน
สเปกMicrosoft Surface Pro 3 พร้อมแป้นพิมพ์2014 13.3-inch Apple MacBook Airราคาต่างกัน2013 13.3-inch Apple MacBook Pro และ Retina display*
64 GB Core i3 with 4 GB of RAM$928.99---
128 GB Core i5 with 4GB of RAM$1,128.99$999$129.99$1,299
256 GB Core i5 with 8 GB of RAM$1,428.99$1,299$129.99$1,499
256 GB Core i7 with 8 GB of RAM$1,678.99$1,449$229.99$1,599
512 GB Core i7 with 8 GB of RAM$2,078.99$1,749$329.99$1,999

จากตารางด้านบนแสดงข้อมูลเปรียบเทียบหยาบๆ ของ Apple MacBook Pro with Retina display (rMBP) เพื่อให้เห็นว่า Surface Pro 3 แตกต่างจากแล็บท็อปของ Apple อย่างไร ซึ่งแล็บท็อปของ Apple ตัวนี้ จะมีความละเอียดที่เหนือกว่าทั้ง Surface Pro 3 หรือ MacBook Air แม้ในตัวเริ่มต้นก็ตาม

การหมุนวิดีโอด้วย VLC Media Player

เทคนิคการหมุนหรือการกลับด้านของไฟล์คลิปวิดีโอ โดยใช้โปรแกรมฟรีแวร์ VLC Media Player สำหรับผู้ที่ต้องการกลับด้านหรือหมุนไฟล์คลิปวิดีโอของคุณให้ตั้งตรงจากแนวนอน หรือกลับด้านจากซ้าย - ขว่า หรือ บน - ล่าง
ปัญหาอาจจะเกิดจากการถ่ายกล้องกลับด้าน หรือ แนวขนาน เวลาเปิดดูแล้ว ต้องหมุนจอคอมตามหรือกลับหน้ารับชม เป็นต้น
อย่าให้ลำบากถึงขนาดนั้นเลยครับ แนะนำดาวโหลดโปรแกรมนี้มาช่วยดีกว่าครับ
1 เริ่มจากดาวโหลดโปรแกรม http://www.videolan.org/
2 ติดตั้งและเปิดโปรแกรมขึ้นมา หน้าตาของโปรแกรมก็ดูเรียบๆ คลิก input เปิดไฟล์วิดีโอที่ต้องการหมุนหรือสลับด้านเข้ามา
3 บนแถบเมนูหลักด้านบนคลิกไปที่ "Tools" > "Effects and Filters"
4. บนแถบหน้าต่างของ "Adjustments and Effects", เลือกแท็บ "Video Effects"
5. ในแท็บของ "Video Effects" คลิก "Geometry"
6. ในหน้าต่าง "Geometry" ให้คลิกเลือกกล่อง "Transform" และเลือกตัวเลือกการหมุน "Rotate by 90 degrees" จากนั้น คลิกคำสั่งปิด "Close" เราสามารถหมุนตามเข็มนาฬิกาหรือเลือกปรับทวนเข็มก็ได้ตามต้องการ
7. เราจะได้วิดีโอที่หมุนตามต้องการ ทดลองเล่นดูได้เลยในขั้นตอนนี้ และถ้าเราต้องการบันทึก Save ให้เราไปที่เมนูด้านบน มองหาเมนูเครื่องมือ "Tools" > "Preferences"
8. ในหน้าต่างของ Interface Settings มองดูบริเวณซ้ายมือล่าง คลิกเลือก "Show All Settings"
9. บริเวณเมนูด้านซ้าย ภายใต้คำสั่ง "Stream Output" คลิกขยายเมนู "Sout stream" >"Transcode" จากนั้นมองที่คำสั่งบริเวณด้านขวา ภายใต้หัวข้อ "Video filter" ให้เลือก "Video transformation filter". จากนั้นคลิกปุ่ม "Save" เพื่อบันทึกการตั้งค่าทำงาน

10. กลับมาที่เมนูหลักของโปรแกรม เลือก "Media" > "Convert / Save"
11. บนหน้าต่าง "Convert/Save" ที่แท็บ "File" , เลือก "Add…" เพื่อนำเข้าไฟล์วิดีโอที่เรากำลังปรับหรือหมุนทิศทางอยู่ จากนั้น คลิกที่หัวลูกศรเล็กเมนูแบบเลื่อนลง drop-down arrow ด้านขวามือของหน้าต่าง "Convert / Save" จากนั้นเลือกแปลงหรือ "Convert"



12. บนหน้าต่าง "convert" options, คลิกปุ่ม "Browse", ระบุแฟ้มหรือโฟลเดอร์ปลายทางที่จะบันทึก และระบุชนิดของไฟล์ที่ต้องการแปลง เช่น (e.g. ".MOV")
13. บนหน้าต่างตัวเลือก "convert" options, ตรง Profile ให้เลือกเป็น: "Video – H.264 + MP3 (MP4)" จากนั้นคลิกปุ่มไอคอนเล็กๆ เครื่องมือ "Tools" ด้านขวาเพื่อแก้ไขหรือ edit
14. ในหน้าต่างของ profile settings, มองหาและคลิกที่ "Audio codec" tab
15. ภายในหน้าต่างของ "Audio codec" settings คลิกลงไปและเลือก "MP3". จากนั้นคลิกบันทึก Save
16. ในหน้าต่าง "Convert" คลิก "Start" เพื่อเริ่มต้นการแปลง



Credit: http://www.wintips.org/how-to-rotate-and-save-a-video-using-vlc-media-player/

ภาคภาษาไทย

การหมุนคลิปวีดีโอด้วย VLC-LAN
1 เปิดไฟล์วีดีโอเล่นตามปกติ
2 คลิกที่ปุ่ม Tool หรือเครืองมือการเล่น ด้านล่างหน้าจอ ดู ต.ย.ภาพประกอบ


จะเรียก หน้าต่างควบคุมเพิ่มเติมการทำงานขึ้นมา ให้คลิกที่ปุ่ม "ลูกเล่นวีดีทัศน์"
ติ้ก "การหมุนภาพ "
เลือกทิศทางการหมุน เช่น 90 องศา


ข้อบ่งใช้ ถ้าคนถ่ายมา คลิปเอียง หรือกลับด้าน เวลาเปิดดู ก็ปรับมุงมองให้เป็นองศาปกติได้ เช่นกัน 

หมุนและกลับด้านคลิปวิดีโอด้วย Free Video Flip

เทคนิคการหมุนหรือการกลับด้านของไฟล์คลิปวิดีโอ โดยใช้โปรแกรมฟรีแวร์ Free Video Flip and Rotate สำหรับผู้ที่ต้องการกลับด้านหรือหมุนไฟล์คลิปวิดีโอของคุณให้ตั้งตรงจากแนวนอน หรือกลับด้านจากซ้าย - ขวา หรือ บน - ล่าง
ปัญหาอาจจะเกิดจากการถ่ายกล้องกลับด้าน หรือ แนวขนาน เวลาเปิดดูแล้ว ต้องหมุนจอคอมตามหรือกลับหน้ารับชม เป็นต้น
อย่าให้ลำบากถึงขนาดนั้นเลยครับ แนะนำดาวดหลดโปรแกรมนี้มาช่วยดีกว่าครับ
1 เริ่มจากดาวโหลดโปรแกรม Download Free Video Flip and Rotate
2 ติดตั้งและเปิดโปรแกรมขึ้นมา หน้าตาของโปรแกรมก็ดูเรียบๆ คลิก input เปิดไฟล์วิดีโอที่ต้องการหมุนหรือสลับด้านเข้ามา
3 คลิก Output เพื่อระบุแหล่งที่จะเก็บไฟล์ที่เรากำลังจะปรับหรือหมุนทิศทาง
4 พร้อมแล้วก็ไปเลยครับ ดูที่เมนูการปรับการหมุนด้านล่าง มีทั้งกลับด้าน สลับด้าน บน ล่าง ซ้ายไปขวา ลองเล่น ลองหมุนและทดสอบการปรับดูได้ตามต้องการของคุณ

ซึ่งสามารถปรับหมุนได้ทั้งสิ้น จำนวน 7 รูปแบบดังนี้ครับ

The following options are available:

- rotate video 90° CCW;

- rotate video 180°;

- rotate video 90° CW;

- flip video vertically; สสับแนวตั้ง

- flip video horizontally; สลับแนวนอน

- flip video vertically and rotate 90° CCW; กลับแนวตั้งพร้อมหมุนทวนเข็ม 90 องศา

- flip video vertically and rotate 90° CW. กลับแนวนอนพร้อมหมุนตามเข็ม 90 องศา
Free Video Flip and Rotate: select flip or rotate options

ขั้นตอนสุดท้าย Save หรือบันทึก

ดาวโหลดแม่แบบนามบัตร Business Card

นามบัตรถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการทำธุรกิจ หรือในการแลกเปลี่ยนกันในสังคม ซึ่งปัจจุบัน มีแม่แบบหรือเทมเพลตสวยๆ จำนวนมาก พร้อมให้เราดาวโหลดฟรี เพื่อใช้งาน โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการออกแบบ หรือเสียเงินในการจ้างร้านค้าทำให้เลย

ดาวโหลดฟรีแม่แบบสำหรับการจัดทำนามบัตร โดยเป็นฟรีแม่แบบหรือ Template สำหรับผู้สนใจหรือมองหาแม่แบบนามบัตรที่ง่าย ดูดีและมีความเป็นมือโปร ในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเชิงธุรกิจหรือส่วนตัวสำหรับเพื่อนฝูง
จุดเด่นของแม่แบบตัวนี้ก็คือความสามารถในการ edit หรือแก้ไขข้อความ โลโก้ ต่างๆ บนโปรแกรม Word จากนั้น ก็บันทึกหรือพิมพ์ออกมาทางเครื่องพิมพ์ได้ทันที
สำหรับแม่แบบตัวนี้ จะมีการออกแบบและจัดขนาดมาตรฐานของนามบัตรโดยทั่วไปให้อยู่แล้ว เรียกว่าพร้อมใช้งานทีเดียว
ขั้นตอนก็ง่ายๆ
1 ไปตามลิงค์นี้เลยครับ เพื่อดาวโหลดแม่แบบ Tool Belt Business Card - Wide, 10 per sheet
2 เปิดไฟล์ขึ้นมาด้วยโปรแกรม MS Word  เปลี่ยนชื่อ สกุล ที่อยู่ รายละเอียดต่างๆ บนแม่แบบให้เป็น ชื่อสกุล และที่อยู่ในการติดต่อของคุณ เปลี่ยนโลโก้ บันทึกเป็น
3 จัดพิมพ์โโยจะมีจำนวน 10 แผ่น / ต่อหนึ่งหน้ากระดาษ A4 ครับ
4 ใช้เครื่องตัดกระดาษในการตัดและนำไปใช้งานต่อไป



สร้างนามบัตรด้วยโปรแกรม Business Card Designer

Busuness Card Designer โปรแกรมออกแบบนามบัตรแบบมืออาชีพที่มาพร้อมความสามารถในการออกแบบนามบัตรที่อ่อนตัว ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดีซายน์หรือออกแบบนามบัตรของคุณได้อย่างสวยงามและรวดเร็ว ช่วยประหยัดเวลาและลดขั้นตอนการออกแบบไปได้มากทีเดียว โดยโปรแกรมจะมีแม่แบบหรือเทมเพลตนามบัตรที่ให้ผู้สนใจสามารถเลือกมาแก้ไขข้อมูล รายละเอียด มากกว่า 5000 รูปแบบทีเดียว โดยที่เราสามารถที่จะ Edit หรือว่าแก้ไขตกแต่ง เช่นแทรกโลโก้ หรือ icon สัญลักษณ์ ต่างๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา
นอกจากนั้นแล้วการพิมพ์นามบัตรก็สามารถสั่งพิมพ์ได้ทันที หรือจะบันทึกในรูปแบบไฟล์อื่นๆ เช่น Word , การนำเข้าข้อมูลจากโปรแกรมอื่นๆ เช่น Word ,Excel เป็นต้น การแทรกภาพหรือโลโก้ โปรแกรมจะช่วยในการปรับแต่งให้เหมาะสมและดูดี มีความสมบูรณ์และคมชัดมากที่สุดสำหรับการเป็นนามบัตรแบบมืออาชีพหรือนักธุรกิจ
ไม่ว่าคุณจะเป็นแค่คนออกแบบหรือทำนามบัตรส่วนตัวของคุณเอง หรือต้องการโปรแกรมสำหรับการออกแบบและทำนามบัตรเพื่อทำเป็นธุรกิจ โปรแกรมนี้ก็น่าสนใจครับ
สเปกโดยย่อ

  • Version: 5.0
  • File size: 67.42MB
  • Date added: April 17, 2014
  • Price: Free to try (Watermark on output); $29.95 to buy 
  • Operating system:
    Windows 2000/XP/2003/Vista/7/8


  • ดาวโหลด 
    Business Card Designer 
    Click to see larger images

    การเปิดใช้งาน WiFi ฮอตสปอต Galaxy Win

    วิธีการและขั้นตอนการแชร์อินเตอร์เน็ต Wi-Fi Hotspot Sharing ด้วยโทรศัพท์มือถือ Samsung Galaxy Win มือถือสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ มองชัด ประมวลผลรวดเร็ว น่าใช้งานในสนนราคาต่ำกว่า 10000 บาท
    รู้จักกับ Wi-Fi Hot spot หรือ Tethering Wifi Hotspot
    เป็นความสามารถพิเศษหรือ Feature หนึ่งบนสมาร์ทโฟนระบบ Android หรือ iOS รุ่นใหม่ๆ สำหรับการทำให้มือถือของคุณสามารถทำงานในลักษณะของ Access Point หรือ จุดศูนย์กลางในการการ Connect เพื่อใช้งานอินเตอร์เน็ตได้นั้นเอง
    ข้อดีของการทำระบบ  Tethering Wifi Hotspot
    ในปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่าช่องทางในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตนั้น มีหลากหลายช่องทางในการเชื่อมต่อและการให้บริการ จากหลายๆ ค่าย และวิธีการ ซึ่งก็แตกต่างกันออกไปตามประสิทธิภาพและความสามารถของแต่ละ Package นั้นๆ ยกตัวอย่างง่ายๆ เชื่อว่าหลายคนซื้อมือถือพร้อมกับค่าโทรและบริการอินเตอร์เน็ตรายเดือน แบบ Unlimited หรือไม่จำกัดชั่วโมงการใช้งานและการดาวโหลดหรือ อัพโหลดข้อมูล ซึ่งมีราคาประมาณตั้งแต่ 400 - 900 บาท / เดือน ซึ่งจะทำให้มือถือของผู้ใช้งานมีการ Connect หรือ stay online กับอินเตอร์เน็ตตลอดเวลา จะค้นหาข้อมูล ตรวจสอบเมล อ่านข่าว เล่นเกมส์ สื่อสารฟรีผ่าน Social Network ต่างๆ เป็นเรื่องสะดวกและง่ายสำหรับคุณ
    เมื่อคุณออกไปต่างจังหวัดกับครอบครัวหรือเพื่อนๆ หรือไปไหนก็ตามที่ไม่มีบริการฟรีอินเตอร์เน็ต หรือมีให้บริการ แต่ต้องจ่ายค่าบริการเป็นรายวันหรือต่อชั่วโมง การเปิดให้บริการ Wi Fi Hotspot ด้วยมือถือของคุณจึงเป็นทางเลือกที่ดีและประหยัดค่าใช้จ่าย
    ข้อเสียของระบบ Tethering Wifi Hotspot
    มือถือของคุณจะทำงานหนักขึ้นในการทำหน้าที่เสมือนตัวจ่ายสัญญาณอินเตอร์เน็ต ซึ่งเห็นชัดเจนได้จาก การกินไฟหรือแบตที่จะหมดเร็วขึ้นกว่าการใช้งานปกติ และจะมีความร้อนขึ้นมากกว่าใช้งานปกติ
    ส่วนอื่นๆ อาจจะกระทบบ้างแต่ไม่มาก เช่นการโทรออก รับสาย หรือการใช้งานแอพอื่นๆ เป็นต้น
    พร้อมแล้ว ผู้ใช้งานก็เริ่มต้นกันเลย
    ก่อนอื่นก็ต้องมั่นใจก่อนว่ามือถือของเราเข้าถึงและใช้งาน Internet ได้ตามปกติ ไม่มีบกพร่อง อาจจะโดยการลองเปิดโปรแกรมท่องอินเตอร์เน็ต ในการค้นหาข้อมูล หรือลองเล่น Facebook หรือ Line เป็นต้น
    1จากหน้าจอให้มองหาและแตะที่เมนู การตั้งค่าหรือ Setting ซึ่งผมไม่ได้จับภาพหรือ Capture มาให้ดู แต่เชื่อว่าน่าจะเข้าใจและทำตามได้ไม่ยากเลย
    2 แตะที่เมนู "การตั้งค่าเพิ่มเติม"
    3 แตะเลือกที่เมนู "การเชื่อมโยงเครือข่ายและฮอตสปอต" ซึ่งจะแสดงรายละเอียดหรือ options ทางเลือกในการแชร์ผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ สาย USB,Wi-Fi และผ่านบลูทูธ (เลือก Wi Fi จะสะดวกที่สุด)
    4 ทำการเปิดการใช้งานหรือ Activate ระบบด้วยการ Turn on ฮอตสปอต WI-FI โดยจะสามารถให้เพื่อนๆ หรือครอบครัวของคุณสามารถเชื่อมต่อเข้ามาใช้งานมากสุด 5 เครื่อง ในเวลาเดียวกัน

    5 ด้านล่างดูเพิ่มอีกนิดมี 2 เมนูด้วยกันคือ มือถือที่อนุญาต และเมนู " การตั้งค่า" ถ้าเราแตะเมนูการตั้งค่าจะเป็นการตั้งค่าดังนี้
    SSID เครือข่าย : กำหนดชื่อของอุปกรณ์ตามที่เราต้องการ หรือจะใช้ค่าที่ตัวเครื่องกำหนดเลยก็ OK
    ระบบป้องกัน : จะเป็นตัวเลือกในการป้องกันการ Hack หรือไม่ให้ผู้คนอื่นเข้ามา Log in ใช้งานอินเตอร์เน็ตของเรา
    รหัสผ่าน: ก็ใส่รหัสผ่านที่ง่ายในการจำ แต่ยากในการเดาของคนอิ่นๆ เช่น 1234abcd เป็นต้น
    บันทึก: เป็นการ save และพร้อมใช้งานแล้ว
    การเชื่อมต่อจากเครื่องอื่นๆ
    เปิด Wifi ของคุณให้สแกนหรือ detect หาสัญญาณในพื้นที่ของคุณตามปกติ
    เลือก SSID ตามที่เรากำหนดไว้ ว่าชื่ออะไร
    แตะหรือแท็บเข้าไป และวใส่รหัสผ่านตามที่เราระบุหรือกำหนดไว้ในขั้นตอนก่อนหน้า
    เมื่อรับ ip address ได้แล้ว connected เชื่อมต่อแล้ว คุณก็สามารถเริ่มต้นใช้บริการอินเตอร์ฟรีได้ทันที